เด็กรุ่นใหม่ ทำไมสมาธิสั้น?

ในเด็กเล็กนั้น มีสิ่งสำคัญที่สุดของพัฒนาการ สิ่งหนึ่ง จะเรียกว่าเป็น อาหารสมอง ก็ดูชัดเจนดี สิ่งนั้นคือ “การเคลื่อนที่” เพราะสมองและระบบประสาท ต้องใช้ข้อมูลที่ได้จากการเคลื่อนที่มาเรียนรู้ พัฒนา ปรับแต่งระบบร่างกาย ทั้งข้อ กระดูก กล้ามเนื้อ ตา ลิ้น มือ จนสามารถขยับร่างกายแบบซับซ้อนมากขึ้น ตามวัย

ในช่วง 0-6 ขวบ สมองและระบบประสาทจะ “กระตุ้น” ให้เด็กอยู่นิ่งไม่ได้ ต้องหมุน วิ่ง กลิ้ง ล้ม รื้อ ค้น ปีนป่าย นี่เป็นเรื่องปกติ จุดประสงค์ก็เพื่อ “อาหารสมอง” ที่ว่า นั่นเอง

สิ่งที่คนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคนเป็นพ่อแม่ ตายาย “ไม่เข้าใจ” คิดว่า การเล่นซนแบบนั้น คือปัญหาและเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวเองต้องลำบาก เพราะเหนื่อยกับการดูแล (คิดถึงตัวเองมากกว่าลูก) จนเกิดเป็นวัฒนธรรมการเลี้ยงลูก แบบที่เราเห็นกันไปทั่ว นั่นคือ “ห้ามๆๆ และก็ห้าม” ทุก ๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ของเด็ก จึงพยายามหาทุกวิถีทาง ที่จะให้เด็กอยู่นิ่งให้มาก ซึ่งนั่นเป็น “เรื่องผิดธรรมชาติ” (รวมถึงการที่เด็กต้องนั่ง นิ่ง ๆ เพื่อเรียนก่อนวัยอันควรด้วย)

ที่สำคัญไปกว่านั้น ในยุคปัจจุบันนี้มีปัจจัยใหม่เพิ่มเข้ามาในการช่วยทำลายพัฒนาการของเด็กแบบราบคาบ นั่นคือ “หน้าจอ” ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นทีวี คอม แท็บเลต ที่ก้มหน้าก้มตา กดกันเอาเป็นเอาตาย ทั้งครอบครัว พ่อ แม่ ลูก ป้า น้า อา ลูกหลาน คนละเครื่อง 2 เครื่อง

ในเด็กนั้น การเสพติดการมองจอ สาเหตุเป็นเพราะการดูหน้าจอนั้นให้ผลเสมือนหนึ่ง “ร่างกายกำลังมีการเคลื่อนที่”

เนื่องจาก ประสาทตา แปลผลให้ร่างกายรู้สึกแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่ “ร่างกายไม่ได้เคลื่อนที่จริง ๆ ” ร่างกายและระบบประสาท กำลัง “ถูกหลอก” เด็กจึงใช้เวลาไปกับการมองหน้าจอต่าง ๆ เป็นเวลานาน ๆ เพื่อตอบสนองความอยากเคลื่อนที่ของร่างกายจนกลายเป็นการเสพติตหน้าจอ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ นั่นคือ “ระบบประสาท และพัฒนาการเสียหาย ส่งผลให้กล้ามเนื้อ ตา ปาก ลิ้น และทั้งตัว บกพร่องไป กระทบโดยตรงไปที่ระบบสมาธิ การควบคุมตัวเอง ลามไปถึงเรื่อง “อารมณ์

ผู้ใหญ่เองก็เห็นดีเห็นงามไปกับการติดหน้าจอ เพราะตัวเองก็ติด อาการน่าห่วงทั้งเด็ก และพ่อแม่ ที่สำคัญ ไม่ต้องไปเสียเวลาดูแล พูดคุย สั่งสอนอะไร ก็เข้าสู่โลกส่วนตัวกันถ้วนหน้า แต่ทว่าในเด็กเล็กนั้น หลังเสพการมองจอมาเป็นเวลานาน ๆ แล้ววางจอลง ยังมีผลพวงตามมาอีก นั่นคือ เด็กจะซนและควบคุมตัวเองได้น้อย พร้อมทั้งจะระเบิดแรงขับมหาศาลออกมาอาจรวมถึง การรื้อ พัง ทำลาย ข้าวของทุก ๆ ที่ที่ผ่าน เพราะระบบประสาทบางส่วนชำรุดไปแล้ว 

ทัศนคติความเข้าใจของพ่อแม่ และหน้าจอ จึงเป็นที่มาของ อาการสมาธิสั้น ที่พบเห็นได้บ่อย เสียทั้งเงินรักษา ที่ต้องทำงานเหนื่อยหามา เสียทั้งเวลา และสุขภาพ เด็กบางคนหมดอนาคต ทัศนคติความเข้าใจของพ่อแม่ และหน้าจอ จึงเป็นสาเหตุ ที่มาของอาการสมาธิสั้น ที่พบเห็นได้บ่อย จนชินตาในปัจจุบันนั่นเอง